วิกฤตบุหรี่เถื่อน: เมื่อนโยบายผิดพลาด เปิดช่องตลาดมืดออนไลน์

วิกฤตบุหรี่เถื่อน: เมื่อนโยบายผิดพลาด เปิดช่องตลาดมืดออนไลน์

นโยบายการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเข้มข้นของรัฐบาล ‘นายกฯ อิ๊งค์’ ทำให้บุหรี่ไฟฟ้าหายไปจากสังคมไทยได้เกือบหมด เป็นมาตรการเด็ดซื้อใจประชาชน โดยเฉพาะกับพ่อแม่ผู้ปกครองที่กังวลเรื่องการเข้าถึงของเด็กและเยาวชน รวมถึงเรื่องสุขภาพ แต่ก็กำลังสร้างปัญหาใหม่ที่ใหญ่กว่า นั่นคือการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของการค้าบุหรี่เถื่อน ซึ่งไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายมหาศาลต่อรายได้ภาษีของรัฐ แต่ยังเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อสุขภาพของประชาชนทั่วประเทศ

เพราะการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าคือการผลักดันให้ผู้บริโภคจำนวนมากที่ยังคงต้องการนิโคติน หันกลับไปหา “บุหรี่มวน” แต่ไม่ใช่บุหรี่มวนที่ถูกกฎหมาย หากแต่เป็น “บุหรี่เถื่อนราคาถูก” ที่หาซื้อได้ง่ายขึ้นอย่างน่าตกใจโดยเฉพาะในช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ แถมยังมีกลิ่นและรสชาติที่ตรงใจผู้สูบบุหรี่มากกว่า

ข้อมูลการสำรวจซองบุหรี่เปล่าประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2568 ที่เปิดเผยโดยสมาคมการค้ายาสูบไทยชี้ให้เห็นว่าสัดส่วนการบริโภคบุหรี่เถื่อนเพิ่มขึ้นเป็น 28.1% เมื่อเทียบกับการสำรวจครั้งก่อนหน้าเมื่อไตรมาส 3 ปี 2567 ที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 25.4% โดย สตูล สงขลา พัทลุง ภูเก็ต และนครศรีธรรมราช ยังคงครองแชมป์จังหวัดที่มีอัตราการบริโภคบุหรี่เถื่อนสูงสุดในประเทศ

การแพร่ระบาดของบุหรี่เถื่อนส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากบุหรี่เหล่านี้ไม่ได้เสียภาษีสรรพสามิต ส่งผลให้รัฐสูญเสียรายได้ภาษีมหาศาลมากกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท ที่ควรนำมาพัฒนาประเทศและดูแลสุขภาวะของประชาชน นอกจากนี้ บุหรี่เถื่อนมักไม่มีการควบคุมคุณภาพการผลิต ทำให้เสี่ยงต่อสารพิษเจือปนในปริมาณที่สูงกว่าบุหรี่ถูกกฎหมายหลายเท่า ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพผู้สูบและผู้ใกล้ชิดในระยะยาว ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสาธารณสุขที่รุนแรงยิ่งขึ้นในอนาคต

Facebook: ช่องทางหลักของการลักลอบขายบุหรี่เถื่อน

สมาคมการค้ายาสูบไทยเคยทำการสำรวจบทสนทนาบนโลกออนไลน์เกี่ยวกับบุหรี่เถื่อน พบว่ามีบทสนทนาอยู่บนแพลตฟอร์ม X กว่า 90% แต่หากค้นหาสินค้าบุหรี่ กลับพบว่ามีขายอย่างแพร่หลายบน Facebook ทั้งในรูปแบบเพจ กลุ่ม และ Marketplace ด้วยรูปแบบการใช้งานที่เข้าถึงง่าย เป็นที่นิยมในกลุ่มผู้ใช้งานชาวไทย โดยผู้ขายมีการให้ข้อมูล โฆษณา รวมถึงทำการตลาดอย่างโจ่งแจ่ง และสม่ำเสมอ การซื้อขายใน Facebook จึงให้ความสะดวกแก่ทั้งผู้ค้าและผู้ซื้อ

ผลกระทบทางลบที่เกิดขึ้นจากการลักลอบขายบุหรี่เถื่อนผ่าน Facebook มีหลายด้าน ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสุขภาพ อันดับแรกคือการสูญเสียรายได้ภาษีอย่างมหาศาลของรัฐ ซึ่งนำไปสู่การขาดงบประมาณสำหรับโครงการสาธารณสุขต่าง ๆ อันดับต่อมาคือการเปิดโอกาสให้เยาวชนและกลุ่มเปราะบางเข้าถึงบุหรี่เถื่อนได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น เนื่องจากไม่มีการควบคุมอายุหรือกฎระเบียบที่ชัดเจนเหมือนกับร้านค้าถูกกฎหมาย ส่งผลให้เกิดการขยายวงของผู้สูบบุหรี่หน้าใหม่อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ การแพร่ระบาดของบุหรี่เถื่อนใน Facebook ยังก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรมอื่น ๆ ตามมา เช่น การฟอกเงินและการจัดตั้งเครือข่ายตลาดมืด

สิ่งที่น่ากังวลยิ่งไปกว่านั้นคือ การที่ Facebook เป็นแพลตฟอร์มระดับโลก การจัดการกับกลุ่มและเพจที่ลักลอบขายบุหรี่เถื่อนเหล่านี้ควรจะทำได้ง่ายด้วยแทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบัน เช่น การจำกัดคำค้นหา การคัดกรองอนุญาตในการเปิดเพจตั้งกลุ่ม หรือกำกับดูแลเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการค้าบุหรี่เถื่อน แต่ดูเหมือนว่าประเด็นและมาตรการเหล่านี้กลับถูกเพิกเฉย ละเลยจากแพลตฟอร์มโดยตรง จึงทำให้การค้าบุหรี่เถื่อนออนไลน์กระจายตัวเติบโตอย่างไร้การควบคุม และไม่ได้ง่ายในการจัดการเหมือนการตรวจสอบร้านค้าทั่วไป ความยืดหยุ่นและการเคลื่อนไหวของผู้ค้าในออนไลน์ทำให้การติดตามและปิดกั้นมีความท้าทายสูง ข้อมูลส่วนตัวของผู้ซื้อและผู้ขายก็อาจถูกนำไปใช้ในทางมิชอบ หรือกลายเป็นเหยื่อของกลุ่มอาชญากรรมไซเบอร์

ภาครัฐต้องเร่งจัดการการขายบุหรี่เถื่อนผ่าน Facebook

จากปัญหาดังกล่าว ถึงเวลาที่ภาครัฐจะต้องเข้ามาจัดการอย่างจริงจังและเด็ดขาด โดยเฉพาะในส่วนของการลักลอบขายบุหรี่เถื่อนผ่าน Facebook ไม่ใช่เพียงการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าและบุหรี่เถื่อนแบบดั้งเดิมเท่านั้น แต่ต้องมีมาตรการที่ชัดเจนในการประสานงานกับ Facebook ประเทศไทย และหน่วยงานระดับสากลเพื่อป้องกันคำค้นหา (Keyword) หรือโฆษณา ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ยาสูบ ตลอดจนการปิดกั้นเพจและกลุ่มที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว เพิ่มการตรวจสอบและรายงานความเคลื่อนไหวของตลาดมืดบนแพลตฟอร์มนี้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเพิ่มกลไกการร้องเรียนปิดกั้นเพจ/โพสต์ที่กระทำผิด อย่างรวดเร็วและเป็นมาตรฐานเดียวกัน เทียบเคียงเช่นเดียวกับการป้องกันการค้าสินค้าอันตรายอื่น เช่น อาวุธปืน หรือยาเสพติด นอกจากนี้แพลตฟอร์มควรร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับการให้ความรู้แก่ประชาชนถึงความเสี่ยงและผลกระทบที่เกิดจากการซื้อขายบุหรี่เถื่อนในออนไลน์

เป็นที่น่าตั้งคำถามอย่างยิ่งว่า ในขณะที่กระทรวงสาธารณสุขแสดงบทบาทอย่างแข็งขันในการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า แต่กลับดูเหมือนจะละเลยและมองข้ามปัญหาการค้าบุหรี่เถื่อนออนไลน์ที่กำลังเติบโตอย่างน่าเป็นห่วง และเช่นเดียวกันกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) ที่มีหน้าที่ดูแลและปิดกั้นเนื้อหาผิดกฎหมายบนโลกออนไลน์ ก็ดูเหมือนจะยังไม่มีมาตรการที่เด็ดขาดและเป็นรูปธรรมในการจัดการกับเว็บไซต์และบัญชีโซเชียลมีเดียที่ลักลอบค้าบุหรี่เถื่อนเหล่านี้การเพิกเฉยต่อปัญหานี้เท่ากับการปล่อยให้ตลาดมืดเติบโตอย่างเสรี และเป็นการบั่นทอนความพยายามในการควบคุมการบริโภคยาสูบของประเทศ

สถานการณ์เช่นนี้ไม่สามารถปล่อยทิ้งไว้ได้อีกต่อไป กลายเป็นปัญหาที่รอรัฐบาลใหม่เข้ามาสะสาง เร่งปิดกั้นเว็บไซต์และบัญชีโซเชียลมีเดียที่ใช้ในการค้าบุหรี่เถื่อนอย่างเร่งด่วนและต่อเนื่อง ทำงานร่วมกับบริษัทโซเชียลมีเดียและผู้ให้บริการแพลตฟอร์มต่าง ๆ เพื่อให้มีการจัดการกับบัญชีและเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการค้าบุหรี่เถื่อนอย่างจริงจัง รวมถึงชี้แจงถึงมาตรการที่ดำเนินการไปแล้ว และรายงานผลความคืบหน้าในการปราบปรามบุหรี่เถื่อนออนไลน์ให้ประชาชนได้รับทราบอย่างโปร่งใส เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหา และกำกับดูแลมาตรฐานการให้บริการของแพลตฟอร์มระดับโลกที่เข้ามาให้บริการในประเทศไทยให้สอดรับกับกฎระเบียบของไทยด้วย

การแก้ไขปัญหาบุหรี่เถื่อนเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการอย่างเป็นองค์รวม ไม่ใช่เพียงแค่การปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าเท่านั้น เพราะหากละเลยปัญหานี้ต่อไป ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะรุนแรงเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด และจะกลายเป็นวิกฤตสาธารณสุขและเศรษฐกิจที่ยากจะแก้ไข

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *