
สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จัดการเสวนาออนไลน์ เรื่อง “โควิด-19 กับความกลัว : กลัวโควิด กลัววัคซีนกลัวอด” โดยมี ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เป็นประธานเปิดการเสวนาออนไลน์ เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2564




ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า การแก้ปัญหาและรับมือสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ถือเป็นวาระแห่งชาติ วช.ได้สนับสนุนการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ ในฐานะหน่วยงานบริหารงานวิจัยของประเทศ (PMU) และศูนย์ปฏิบัติการด้านนวัตกรรมการแพทย์ และการวิจัยและพัฒนา เพื่อการป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคโควิด-19 ต่อเนื่อง ซึ่งในขณะนี้ในประเทศเกิดการระบาดโรคโควิด-19 อีกครั้ง จึงต้องมีการควบคุมและป้องกัน ควบคู่กับการเร่งฟื้นฟูสังคม เศรษฐกิจให้กลับมาสู่ระดับเดิมโดยเร็ว รวมถึงการเตรียมนวัตกรรมทางการแพทย์อื่น ๆ เพื่อการรองรับการระบาดในระลอกใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตนอกจากนี้หลายประเทศทั่วโลกเร่งศึกษาวิจัยและพัฒนาวัคซีนเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 โดยทุกประเทศได้มีนโยบายในการฉีดวัคซีนให้ประชาชนภายในประเทศให้เร็วที่สุดด้วยความปลอดภัยตามมาตรฐานการแพทย์และสาธารณสุข เพื่อให้ร่างกายสร้างแอนติบอดีต่อเชื้อโควิด-19 การฉีดวัคซีนของทั่วโลกมุ่งหวังว่าการติดเชื้อจะกลับมารุนแรง และสามารถป้องกันการแพร่ระบาดของโลกได้ เพื่อให้บรรลุผล วช. จึงเน้นงานวิจัยและนวัตกรรมที่สามารถช่วยแก้ปัญหาทางสังคมและเศรษฐกิจในระหว่างการเกิดวิกฤตโรคโควิด-19 เพื่อรองรับผลกระทบที่เกิดขึ้น นอกจากประเด็นการศึกษาอุบัติการณ์ และการดำเนินโรค หลังการได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในบุคลากรทางการแพทย์ ประชาชน และผู้มีโรคประจำตัว ยังมีการติดตามความปลอดภัย ผลของภูมิต้านทานที่จะเกิดขึ้นจากการได้รับวัคซีน และยังมีการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ที่มีศักยภาพ มีมาตรฐานความปลอดภัย สามารถนำไปใช้ในสถานการณ์จริงได้การวิจัยดังกล่าวจะช่วยให้ประเทศสามารถฟื้นตัวได้เร็ว เพิ่มภูมิคุ้มกันทั้งทางสังคมเศรษฐกิจ และสุขภาพให้กับประชาชนในประเทศ


นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมแพทย์ กล่าวถึงความก้าวหน้าแนวทางการแก้ไขการเกิด VITT หรือภาวะเกร็ดเลือดต่ำ โดยการใช้ IVIG หลังการฉีดวัคซีนซึ่งได้รับการอนุมัติแนวทางจาก สปสช.แล้ว อีกทั้งมีการเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ รวมถึงผลข้างเคียงเกี่ยวกับระบบประสาท ร่วมกับ นายแพทย์เมธา อภิวัฒนากุล จากสถาบันประสาทวิทยา และมีการวิจัยเกี่ยวกับวัคซีน ใน 6 ด้าน อาทิ การสร้าง Vaccine Passport การสื่อสารข้อมูลที่โปร่งใส เป็นต้น ซึ่งจะเป็นการปรับตัวพร้อมเรียนรู้ไปพร้อมกัน โดยให้ความสำคัญ ด้านข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องนโยบายที่ชัดเจน การบริหารงานด้วยหลักวิชาการ และความร่วมมือจากประชาชน“และขณะนี้กรมการแพทย์ได้สนับสนุนการจัดตั้งศูนย์การฉีดวัคซีนสถานีกลางบางซื่อเพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มประชาชนผู้ให้บริการด้านคมนาคม อาทิ รถตู้ รถแท็กซี่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง รวมถึงพ่อค้าแม่ค้า โดยจะเริ่มทดสอบระบบประมาณ 5,000 คนโดยสามารถรองรับการฉีดวัคซีนได้วันละ 10,000 คนหรือ 300,000 คนต่อเดือน เชื่อว่าจะสามารถเป็นอีกหนึ่ง Outlet ในการช่วยเหลือพื้นที่กรุงเทพมหานคร”


ดร.นณริฏ พิศลยบุตร สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) กล่าวในวงเสวนาว่า โครงการประเทศไทยในอนาคต ที่ได้รับการสนับสนุนทุนจาก สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สะท้อนให้เห็นภาพการกังวลใจในอนาคตว่า ฐานะทางการคลังจะมีปัญหามากขึ้น การเจริญเติบโตของไทยตกลงเรื่อย ๆ ทุก ๆ 5 ปี ถ้าเฉลี่ยดู พบว่าเศรษฐกิจเคยโตถึง 4 % แต่ตอนนี้หล่นลงมาอยู่ที่ 3.8% และนะตอนนี้ เหลือ 3.4% ซึ่งในอนาคตถ้าไม่มีเครื่องจักรทำเงินใหม่ จะยิ่งตกลงเรื่อย ๆ ส่วนด้านการคลัง 10 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลหารายได้เพียง 16.28% GDP แต่ประเทศไทยใช้จ่ายไปถึง 18.07 % GDP นั้นหมายความว่าทุกปี การคลังของประเทศไทยจะติดลบประมาณ 1.79% GDP และนี้ก็เป็นการสะท้อนว่าในอนาคต ประเทศไทยจะมีหนี้เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉลี่ยในระยะยาว
การเสวนาในครั้งนี้ วช. จะรวบรวมเอาองค์ความรู้ต่าง ๆ ไปเป็นข้อมูลเชิงประจักษ์โดยนำมาออกแบบเป็นนโยบาย หรือมาตรการ ให้เป็นรูปธรรมชัดเจนยิ่งขึ้น


